

เหตุผลวิบัติของนักการพนัน
เหตุผลวิบัติของนักการพนัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เหตุผลวิบัติมอนตีคาร์โล เป็นความเชื่อผิด ๆ ว่า ถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นบ่อยกว่าปกติในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เหตุการณ์นั้นก็จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งน้อยลงในอนาคต หรือว่า ถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นน้อยกว่าปกติในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เหตุการณ์นั้นก็จะเกิดบ่อยขึ้นในอนาคต เพื่อที่จะให้เกิดการสมดุลกัน แต่ว่าถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์สุ่ม คือเป็นการลองตามลำดับที่เป็นอิสระทางสถิติ (statistical independent trial) ของกระบวนการสุ่ม แม้ว่าความเชื่อนี้จะดึงดูดใจ แต่ก็จะไม่เป็นความจริง เหตุผลวิบัตินี้เกิดขึ้นได้ในสถานการณ์จริง ๆ มากมาย แต่มักจะมีการกล่าวถึงในเรื่องของการเล่นการพนัน เพราะเป็นเหตุผลวิบัติที่คนเล่นการพนันมีโดยสามัญ ส่วนคำบัญญัติว่า “เหตุผลวิบัติมอนตีคาร์โล” มีกำเนิดมาจากตัวอย่างที่มีชื่อเสียงของเหตุผลวิบัตินี้ ซึ่งเกิดขึ้นในบ่อนกาสิโนมอนตีคาร์โลในปี ค.ศ. 1913
ตัวอย่างภูมิประเทศแบบนี้เห็นได้ชัดที่ หมู่เกาะกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย ภูเขาไฟตาอาล ใกล้กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และที่ภูเขาไฟวิสุเวียส ในประเทศอิตาลี ในประเทศไทยนั้น มีตัวอย่างที่เข้าใจว่าเป็นแอ่งภูเขาไฟเล็ก ๆ แบบนี้ที่เขาหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย อันเป็นภูเขาไฟที่สงบแล้วเครเตอร์และแอ่งยุบปากปล่องเครเตอร์เป็นปากปล่องที่มีลักษณะเป็นแอ่งค่อนข้างกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 กิโลเมตร เป็นผลจากการปะทุของก๊าซและตะกอนภูเขาไฟ ส่วนแอ่งยุบปากปล่องมีลักษณะคล้ายเครเตอร์แต่มีขนาดใหญ่กว่าตั้งแต่ 1 ถึง 50 กิโลเมตร มีรูปร่างกลมถึงค่อนข้างรีมักถูกปิดทับด้วยน้ำฝนหรือหิมะ เกิดจากการแตกหักของโครงสร้างภูเขาไฟทำให้ชั้นหินหลอมเหลวใต้ภูเขาไฟเกิดการทรุดหรือยุบตัวลง
แอ่งยุบปากปล่องเยลโลว์สโตนแอ่งยุบปากปล่องในเยลโลว์สโตนอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนมีชื่อเสียงในเรื่องของกีเซอร์และน้ำพุร้อน ถือเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีระบบแมกมาที่มียังพลังอยู่ ระบบแมกมานี้เคยทำให้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกที่เรียกได้ว่า ซูเปอร์วอลเคโน มาแล้วหลายครั้ง หนึ่งในนั้นสร้างแอ่งยุบปากปล่องที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงประมาณ 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กิโลเมตร) หอสังเกตการณ์ภูเขาไฟในเยลโลว์สโตนตรวจจับแผ่นดินไหว การเสียรูปของพื้นดิน การไหลและอุณหภูมิของกระแสน้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พบว่ามีกลุ่มของแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ทำให้แผ่นดินยกตัวขึ้นและลำธารมีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและอุณหภูมิของน้ำ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าจะมีการระเบิดของภูเขาไฟเกิด ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การระเบิดของภูเขาไฟในเยลโลว์สโตนครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 70,000 ปีก่อน ทำให้เกิดลาวาหลากของที่ราบสูง Pitchstone ลาวาหลากนี้มีขนาดเท่ากับวอชิงตัน ดี.ซี. และหนามากกว่า 100 ฟุต (30 เมตร) ใต้เยล์โลว์สโตนมีจุดศูนย์รวมความร้อน (hotspot) อยู่จุดศูนย์รวมความร้อนเป็นมวลของวัสดุร้อนที่ลอยผ่านชั้นแมนเทิลของโลกขึ้นมา
มันจะส่งผ่านความร้อนออกสู่พื้นที่รอบๆแล้วกลายเป็นแรงขับดันในเปลือกโลกที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและไม่บ่อยนัก ทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิดกรวยภูเขาไฟสลับชั้น หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ภูเขาไฟชนิดประกอบ ความสูงของภูเขาไฟทรงกรวยก่อขึ้นโดยชั้นหินซึ่งเกิดจากการแข็งตัวของหินหลอมเหลวหลายชั้น, เทฟรา, หินภูเขาไฟ และเถ้าภูเขาไฟ ซึ่งแตกต่างจากภูเขาไฟโล่ กรวยภูเขาไฟสลับชั้นมีลักษณะรายละเอียดที่สูงชันและการอักเสบเฉียบพลันเป็นระยะ ๆ และเงียบสงบเฉียบพลัน ในขณะที่มีบางอย่างกับหลุมที่ถล่มแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด หินหลอมเหลวที่ไหลจากกรวยภูเขาไฟสลับชั้นมักจะเย็นตัวลงและแข็งตัวก่อนที่จะแพร่กระจายไปไกลเนื่องจากความหนืดสูง หินหนืดหลอมเหลวขึ้นรูปนี้มักจะเป็นหินเฟลสิก ที่มีระดับสูงถึงกลางของซิลิก้า (เช่นเดียวกับใน ไรโอไลต, ดาไซต์ หรือแอนเดไซต์) ที่มีจำนวนน้อยของหินหนืดซิสน้อยกว่าความหนืด ครอบคลุมหมดหินหลอมเหลวที่ไหลหินเฟลสิก เป็นเรื่องแปลก แต่ในการเดินทางไกลที่สุดเท่าที่ 15 กม. (9.3 ไมล์)การวิจัยทางโบราณคดีระบุว่ามีมนุษย์อาศัยในญี่ปุ่นปัจจุบันครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า การกล่าวถึงญี่ปุ่นเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกปรากฏในบันทึกของราชสำนักจีนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากจีนในหลายด้าน เช่นภาษา การปกครองและวัฒนธรรม แต่ขณะเดียวกันก็มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงทำให้ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาจนปัจจุบัน อีกหลายศตวรรษต่อมา ญี่ปุ่นก็รับเอาเทคโนโลยีตะวันตกและนำมาพัฒนาประเทศจนกลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและมีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียตะวันออก หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองโดยการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ใน พ.ศ. 2490
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงปี ค.ศ. 1868 ประเทศญี่ปุ่นถูกปกครองด้วยระบบทหารเจ้าขุนมูลนายโชกุนซึ่งปกครองในพระปรมาภิไธยจักรพรรดิ ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ระยะแยกอยู่โดดเดี่ยวอันยาวนานในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งยุติในปี ค.ศ. 1853 เมื่อกองเรือสหรัฐบังคับให้ประเทศญี่ปุ่นเปิดต่อโลกตะวันตก หลังความขัดแย้งและการก่อการกำเริบภายในเกือบสองทศวรรษ ราชสำนักจักรวรรดิได้อำนาจทางการเมืองคืนในปี ค.ศ. 1868 ผ่านการช่วยเหลือของหลายตระกูลจากโชชูและซัตสึมะ และมีการสถาปนาจักรวรรดิญี่ปุ่น ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชัยในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ประเทศญี่ปุ่นขยายจักรวรรดิระหว่างสมัยแสนยนิยมเพิ่มขึ้น สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองปี พ.ศ. 2480 ขยายเป็นบางส่วนของสงครามโลกครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2484 ซึ่งยุติในปี พ.ศ. 2488 นับแต่การลงมติเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับบทวนวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 ระหว่างการยึดครองของผู้บังคับบัญชาสูงสุดสำหรับประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร ประเทศญี่ปุ่นธำรงระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาและราชาธิปไตยภายใต้รัฐรรมนูญ โดยมีจักรพรรดิเป็นประมุขแห่งรัฐและสภานิติบัญญัติจากการเลือกตั้ง เรียก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ