

ไพ่หมายจับชาวอิรัก
ในช่วงการบุกครองอิรัก ค.ศ. 2003 ของการร่วมมือกันที่นำโดยสหรัฐ สำนักข่าวกรองกลาโหมสหรัฐได้พัฒนาชุดไพ่ป๊อกที่จะช่วยให้กองกำลังชี้ตัวสมาชิกที่ต้องการตัวของรัฐบาลประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน โดยส่วนใหญ่เป็นสมาชิกระดับสูงของสาขาภูมิภาคอิรักแห่งพรรคบะอัธ หรือคณะมนตรีปฏิวัติ ซึ่งในหมู่พวกเขาเป็นสมาชิกครอบครัวของฮุสเซ็น ไพ่เหล่านี้ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ไพ่ระบุตัวตน” ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 จำนวน 52 คนจากทั้งหมดที่ต้องการตัว ยกเว้น 6 คน ได้ถูกสังหารหรือถูกจับกุม ไพ่แต่ละใบมีที่อยู่ของบุคคลที่ต้องการตัว และหากใช้ประโยชน์ได้ มีตำแหน่งงานที่กระทำเฉพาะบุคคล ไพ่อันดับสูงสุด เริ่มต้นด้วยไพ่เอซและไพ่คิง ซึ่งใช้สำหรับคนที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อที่ต้องการตัวมากที่สุด เอซโพดำคือซัดดัม ฮุสเซน เอซของไพ่ดอกจิกและโพแดงคือลูกชายของเขา กุศีและอุดีตามลำดับ รวมถึงเอซของไพ่ข้าวหลามตัดคืออะบิด ฮามิด มะฮ์มุด อัตตกรีตี ผู้เป็นเลขานุการประธานาธิบดีของซัดดัม ความสอดคล้องที่เคร่งครัดต่อลำดับของรายชื่อไม่ได้ดำเนินการผ่านสำรับไพ่ทั้งหมด แต่บางครั้งต่อมาในปี ค.ศ. 2003 รายชื่อตัวมันเองได้รับการจัดลำดับใหม่เพื่อให้ (เกือบ) สอดคล้องกับสำรับไพ่ ส่วนด้านหลังของไพ่มีลายพรางทหารสีเขียว
ตามที่นาวาตรีกองทัพเรือสหรัฐ จิม บรูคส์ โฆษกสำนักข่าวกรองกลาโหมเผย ไพ่ที่เล่นเช่นนี้ได้รับการนำมาใช้ย้อนกลับไปในฐานะสงครามกลางเมืองของสหรัฐและในสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนสำรับไพ่เหล่าอากาศทหารบกสหรัฐที่พิมพ์ด้วยภาพเงาเครื่องบินขับไล่ของเยอรมันและญี่ปุ่น ขายได้หลายร้อยดอลลาร์ในปัจจุบัน รวมถึงในสงครามเกาหลี บรรดาทหารมักเล่นไพ่นี้เพื่อฆ่าเวลา และพบเห็นชื่อ, ใบหน้า ตลอดจนยศตำแหน่งของชาวอิรักที่ต้องการตัวในระหว่างการเล่นเกม ซึ่งจะช่วยทหารและนาวิกโยธินในกรณีที่พวกเขาพบเจอบุคคลที่ต้องการในสนามรบ รายการ “หมายจับ” เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของหน่วยข่าวกรองหลายหน่วย ซึ่งรวมถึงสำนักข่าวกรองกลาโหม กองบัญชาการกลาง และตัวแทนจากหน่วยข่าวกรองสาขาสาขาประจำการของสหรัฐทั้งหมด จากนั้นชื่อ “หมายจับ” ถูกกำหนดให้กับการ์ดของพวกเขาโดยทหารกองทัพบกสหรัฐห้านาย ได้แก่ ร.ต. ฮันส์ มัมม์, จ.ส.ต. ชอว์น มาฮันนี, ส.อ. อันเดรย์ ซอลเทอร์, ส.อ. สก็อตต์ โบเอห์มเลอร์ และผู้ชำนาญการพิเศษ โจเซฟ บาริออส ซึ่งได้รับมอบหมายต่อสำนักข่าวกรองกลาโหม รูปภาพที่ใช้บนไพ่มาจากหน่วยข่าวกรองหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่ได้มาจาก “โอเพนซอร์ซ” สำรับไพ่ดังกล่าวได้รับการประกาศต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในอิรักเมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2003 ในการแถลงข่าวโดยนายพลจัตวากองทัพบก วินเซนต์ บรูกส์ รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของกองบัญชาการกลางสหรัฐ ในเย็นวันเดียวกันนั้น แมกซ์ ฮอดจ์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในเมืองฮิวสตัน ได้พบและดาวน์โหลดไฟล์อาร์ตเวิร์กความละเอียดสูงสำหรับปึกไพ่จากเว็บเซิร์ฟเวอร์ของกระทรวงกลาโหม กระทั่งมีการพบในวันรุ่งขึ้นว่าไฟล์ได้หายไปจากเว็บเซิร์ฟเวอร์ของทหาร เขาจึงกลายเป็นผู้ขายอีเบย์รายแรกที่เสนอไฟล์อาร์ตเวิร์กในรูปแบบพีดีเอฟ ซึ่งสามารถใช้ในการสร้างปึกไพ่ซ้ำได้ เขาทำสัญญากับบริษัทเจมาโกเพลย์อิงการ์ดอย่างรวดเร็วเพื่อพิมพ์ 1,000 สำรับในราคาประมาณ 4,000 ดอลลาร์และเริ่มขายทั้งสองสำรับ ล่วงหน้าก่อนที่จะรับจากเครื่องพิมพ์ ในอีเบย์, แอมะซอน.คอม และเว็บไซต์ของเขาเอง เมื่อการประมูลสำรับไพ่ 4 ดอลลาร์ในช่วงแรกของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิน 120 ดอลลาร์ อีเบเยอร์รายอื่น ๆ ก็ใช้เวลาไม่นานในการเข้าร่วมในแบนด์วากอน และพิมพ์หรือสั่งซื้อสำรับของตนเองเพื่อขาย ในเวลาเพียงไม่กี่วันก็มีผู้ขายหลายร้อยราย และราคาได้ลดลงเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อสำรับ
ลิเบอร์ตีเพลย์อิงคาร์ดคัมพานีในรัฐเท็กซัส ได้รับคำสั่งให้ผลิตการ์ดสำหรับสถานทูตสหรัฐในประเทศคูเวต และด้วยการอ้างว่าเป็น “ผู้รับเหมาของรัฐบาลที่ได้รับอนุญาต” ก็ได้กลายเป็นผู้ผลิตในประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วอีกรายสำหรับตลาดการค้า รัฐบาลสหรัฐได้รวมฮอยล์โจ๊กเกอร์ที่เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีเจ้าของโดยยูไนเต็ดสเตตส์เพลย์อิงคาร์ดคัมพานี แห่งซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าบริษัทยูไนเต็ดสเตตส์เพลย์อิงคาร์ดจะไม่คัดค้านการใช้ภาพของรัฐบาล แต่พวกเขาก็คัดค้านบริษัทอื่น ๆ ที่ใช้ภาพที่เป็นเครื่องหมายการค้า ด้วยเหตุนี้ ในบางแง่ กองทัพสหรัฐได้ให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทยูไนเต็ดสเตตส์เพลย์อิงคาร์ดในการผลิตสำรับของแท้โดยไม่ได้ตั้งใจ หากภาพโจ๊กเกอร์ที่เป็นเครื่องหมายการค้าได้ถือเป็นข้อกำหนดในการเป็นของแท้นโปเลียนเกิดที่เมืองอาฌักซีโยหรืออายัชโช ในภาษาอิตาลี บนเกาะคอร์ซิกา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1769 ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 ปี ภายหลังจากที่ฝรั่งเศสได้ซื้อเกาะนี้ไปจาก สาธารณรัฐเจนัว ค.ศ. 1768 ครอบครัวของเขาเป็นหนึ่งในตระกูลผู้ดีจำนวนน้อยนิดบนเกาะคอร์ซิก้า บิดาของเขาชื่อชาร์ลส์ มาเรีย โบนาปาร์ตหรือ คาร์โล มาเรีย บัวนาปาร์เต (สำเนียงอิตาลี) ได้จัดการให้เขาได้เข้ารับการศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส ที่เขาได้เข้าไปตั้งรกรากตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ในตอนแรกเขาถูกมองว่าเป็นชาวต่างชาติคนหนึ่งภายหลังการศึกษาในโรงเรียนนายร้อยทหาร ที่เมืองโอเติง บรีแอนน์ และ โรงเรียนทหารแห่งกรุงปารีส เขาก็ได้เข้าร่วมกองพลปืนใหญ่ ภายใต้กองกำลังของลาแฟร์ ที่เมืองโอซ็อนน์ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นร้อยตรีที่เมืองวาล็องซ์ ในปีค.ศ. 1787 ด้วยอารมณ์ที่ซ่อนเร้น ออกแนว โรแมนติก ในงานที่เขาเขียน ความอยากรู้อยากเห็นไม่มีที่สิ้นสุด บวกกับความทรงจำที่เป็นเลิศ ในปี ค.ศ. 1789 นโปเลียนหนุ่มมีความถนัดทางใช้สติปัญญามากกว่าทางใช้กำลัง
เมื่อการปฏิวัติฝรั่งเศสประทุขึ้นในปี ค.ศ. 1789 ร้อยโทโบนาปาร์ตได้อยู่ในเหตุการณ์ที่กรุงปารีส โดยเป็นฝ่ายสังเกตการณ์ เขาได้เฝ้าดูประชาชนบุกพระราชวังตุยเลอรีด้วยความขยะแขยง นโปเลียนเดินทางกลับมายังเกาะคอร์ซิกา ที่ซึ่งการสู้รบระหว่างฝ่ายต่างๆ เริ่มขึ้นอีกครั้ง (โดยมีทางฝ่ายของปาสกาล เปาลี สนับสนุนระบอบกษัตริย์ และทางตระกูลโบนาปาร์ตสนับสนุนการปฏิวัติ) นโปเลียนได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าของกองกำลังป้องกันตนเองแห่งชาติ ในปี ค.ศ. 1792 โดยการแย่งเอากองกำลังจากคณะกรรมาธิการของรัฐมาส่วนหนึ่ง แต่การประหารกษัตริย์ได้ทำให้เกิดการต่อต้านของฝ่ายอิสระ สงครามกลางเมืองได้ประทุขึ้น และตระกูลของนโปเลียนต้องหลบหนีออกจากเกาะคอร์ซิกา มายังประเทศฝรั่งเศส โบนาปาร์ตสนับสนุนการปฏิวัติ และได้ถูกส่งตัวไปรับตำแหน่งนายร้อยในกองพลปืนใหญ่ ที่ศูนย์บัญชาการเมืองตูลอง (Toulon) ในปี ค.ศ. 1793 ซึ่งต่อมาได้ถูกมอบให้อังกฤษปกครอง แผนการที่นโปเลียนมอบให้ฌาคส์ ฟร็องซัวส์ ดูก็องมิเย ทำให้สามารถยึดเมืองตูลองคืนมาจากกองทัพกลุ่มสนับสนุนระบอบกษัตริย์และพวกอังกฤษได้ มิตรภาพระหว่างเขาพวกฌากอแบ็งทำให้เขาถูกจับในช่วงสั้นๆภายหลังการสิ้นอำนาจของรอแบ็สปีแยร์ ในวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1794
หลังจากได้รับอิสรภาพ เขาก็ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ปราศจากผู้บังคับบัญชาอย่างเป็นทางการ และต่อมาปอล บาร์ราส์ ได้อนุญาตให้เขาบดขยี้กลุ่มผู้สนับสนุนราชวงศ์ที่ลุกฮือที่เมืองว็องเดแมร์ เพื่อต่อต้านสมัชชาแห่งชาติ ในปี ค.ศ. 1795 ในโอกาสนี้เอง โบนาปาร์ตได้มีนายทหารหนุ่มชื่อฌออากีม มูว์รา เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติการประสบผลสำเร็จด้วยการยิงปืนใหญ่เข้าสลายกลุ่มสนับสนุนราชวงศ์ที่เมืองซังต์โรช์ โบนาปาร์ตมีจิตใจผ่องใส สามารถซึมซับความรู้ทางการทหาร รวมถึงยุทธวิธีในสมัยของเขา มาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์จริง เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ในกองพลปืนใหญ่ เขาได้คิดค้นการใช้ปืนใหญ่แห่งกริโบวาลเป็นกองทัพเคลื่อนที่ ใช้หนุนกองทหารเดินเท้าอีกทีหนึ่ง เพื่อเป็นรางวัล ที่สามารถการนำกองพลปืนใหญ่ปราบกบฏฝ่ายฝักใฝ่กษัตริย์ได้ นโปเลียนได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองกำลังอิตาลี เพื่อยึดอิตาลีกลับคืนมาจากจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ออสเตรีย-เยอรมัน) กองกำลังของเขาขาดแคลน ทั้งยุทโธปกรณ์และเสบียงคลัง ซึ่งแม้เขาจะอดมื้อกินมื้อ และแต่งตัวซอมซ่อ แต่ก็ได้ฝึกฝนนายทหารในบังคับบัญชาด้วยความขะมักเขม้น และสามารถนำทัพเข้าปะทะกับกองกำลังของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีจำนวนมากกว่า และมียุทโธปกรณ์พร้อมกว่าได้ ในการรบหลายต่อหลายครั้ง ในยุทธการที่เมือง มองเตอโนต โลดี หรือ อาร์โกล มีนโปเลียนเป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง การรบท่ามกลางห่ากระสุนทำให้ มุยร็อง เพื่อนและผู้ช่วยของเขาเสียชีวิต นโปเลียนเป็นนายทหารฝีมือฉกาจ ผู้ซึ่ง อยู่ทุกหนทุกแห่งและมองเห็นทุกอย่าง ว่องไวดุจสายฟ้าแลบและโจมตีดุจสายฟ้าฟาด เขาเป็นที่เคารพนับถือของผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยความสามารถในการบัญชาการ ความกล้าหาญและความเลือดเย็น ในบรรดานายทหารหลายนายที่แวดล้อมเขา นโปเลียนได้มองเห็นความสามารถของนายทหารนิรนามคนหนึ่ง ชื่อลาน ตลอดการสู้รบในช่วงเวลานั้น ภาพวาดกองบัญชาการของนโปเลียนในสมัยนั้น ได้แสดงให้เห็นว่า นโปเลียนได้ใช้ระบบสื่อสารทางไกล ระบบแรกของโลกที่เรียกว่าโทรเลขที่คิดค้นโดยโกลด ชาปป์ (เช่นเดียวกับกองบัญชาการรบอื่น ๆ ในสมัยนั้น) นโปเลียนได้ทำให้จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบัญชาการโดยอาร์ชดยุกคาร์ล ดยุกแห่งเทเชิน จำเป็นต้องลงนามในสนธิสัญญาที่เสียเปรียบ ที่มีชื่อว่าสนธิสัญญากัมโป-ฟอร์มิโอ ว่าด้วยเรื่องการให้ฝรั่งเศสเข้าครองเบลเยียม และยืดพรมแดนไปติดแม่น้ำไรน์ ส่วนจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ได้ถือครองแคว้นเวเนโต