

บิงโก
การเล่นบิงโก อุปกรณ์ที่ใช้เล่น ใช้กระดานทำเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ด้านในกั้นเป็นช่องเล็กๆ จำนวนมากน้อยตามชนิดของบิงโก เขียนเลขเรียงลำดับกำกับไว้ทุกช่องไม่ให้ซ้ำกัน มีลูกยางสำหรับไว้โยนพอกับจำนวนช่อง และมีกระดาษสำหรับให้ผู้เล่นใช้เล่นตีเป็นช่องสี่เหลี่ยมไว้ด้านละ 5 ช่อง รวมเป็น 25 ช่อง แต่ละช่องเขียนหมายเลขไว้ไม่ซ้ำกันโดยให้ช่องกลางของกระดาษเป็นช่องฟรีโดยขีดกากบาทไว้แทนหมายเลข
วิธีเล่น
1.ผู้เล่นนั่งประจำที่แล้วโยนลูกยางให้ลงช่องกระดานที่มีหมายเลขประจำไว้ โดยอาจใช้ผู้เล่นคนเดียวโยนหรือผลัดกันโยนคนละลูกสลับกันไป ก็ได้
2.เมื่อลูกยางที่โยนลงในช่องหมายเลขใด ผู้เล่นทุกคนก็ตรวจดูกระดาษบิงโกของตนที่เลือกมาว่ามีหมายเลขตรงกับหมายเลขช่องกระดานที่ลูกยางลงไปหรือไม่ ถ้ามีก็เอาคะแนนวางกำกับช่องกระดาษของตนนั้นไว้ไปเรื่อยๆ
3.ถ้ากระดาษของใครมีหมายเลขครบห้าช่องตรงกันเมื่อใด ถือว่าผู้นั้นชนะบิงโก ต้องถือกระดาษนั้นไปรับรางวัลจากผู้จัดให้มีการเล่น รางวัลอาจจะเป็นสิ่งของที่ผู้จัดให้มีการเล่นตั้งโชว์ไว้หรือสิ่งของอื่นตามที่ตกลงกันไว้
ประวัติความเป็นมาของเกมสามารถสืบย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1530 ถึงลอตเตอรีอิตาลีที่เรียกว่า “Lo Giuoco del Lotto D’Italia”ซึ่งยังคงเล่นทุกวันเสาร์ในอิตาลีจากอิตาลีเกมดังกล่าวได้รับการแนะนำให้รู้จักกับฝรั่งเศสในช่วงปลายยุค 1770 ที่ซึ่งมันถูกเรียกว่า”เลอล็อตโต้”เกมที่เล่นในหมู่ชาวฝรั่งเศสผู้มั่งคั่งชาวเยอรมันยังเล่นเกมในยุค 1800 แต่พวกเขาใช้เป็นเกมสำหรับเด็กเพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้คณิตศาสตร์การสะกดและประวัติศาสตร์ ในสหรัฐอเมริกาบิงโกเดิมเรียกว่า “beano” มันเป็นเกมที่ยุติธรรมในประเทศที่ดีลเลอร์จะเลือกแผ่นดิสก์ตัวเลขจากกล่องซิการ์และผู้เล่นจะทำเครื่องหมายบัตรด้วยถั่ว พวกเขาตะโกน “beano” ถ้าพวกเขาชนะ เมื่อเกมดังกล่าวมาถึงอเมริกาเหนือในปี 1929 มันกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ “beano” มันเป็นครั้งแรกที่เล่นในงานเทศกาลใกล้แอตแลนตาจอร์เจีย พนักงานขายของเล่นนิวยอร์ก Edwin S. Lowe เปลี่ยนชื่อเป็น “bingo” หลังจากที่เขาได้ยินบางคนตั้งใจตะโกน “bingo” แทน “beano” เขาจ้าง Carl Leffler ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเพื่อช่วยเขาเพิ่มจำนวนชุดค่าผสมในการ์ดบิงโก ในปี 1930 Leffler ได้ประดิษฐ์บัตรบิงโกกว่า 6,000 ใบ พวกเขาได้รับการพัฒนาดังนั้นจะมีกลุ่มหมายเลขที่ไม่ซ้ำและความขัดแย้งน้อยลงเมื่อคนมากกว่าหนึ่งคนได้รับบิงโกในเวลาเดียวกัน
โลว์เป็นผู้อพยพชาวยิวจากโปแลนด์ ไม่เพียง แต่เขาอยู่ในสหรัฐอเมริกา บริษัท โลว์ผลิตบัตรบิงโก แต่เขายังพัฒนาและทำการตลาดเกม Yahtzee ซึ่งเขาซื้อสิทธิ์จากคู่ที่เล่นบนเรือยอชท์ของพวกเขา บริษัท ของเขาถูกขายให้กับ Milton Bradley ในปี 1973 ในราคา $ 26 ล้าน โลว์เสียชีวิตในปี 2529 โบสถ์บิงโก นักบวชคาทอลิกจากเพนซิลเวเนียเข้าหาโลว์เกี่ยวกับการใช้บิงโกเป็นเครื่องมือในการระดมทุนในคริสตจักร เมื่อการเล่นชนิดหนึ่งเริ่มเล่นในโบสถ์มันก็กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยปี 1934 มีการเล่นเกมบิงโกประมาณ 10,000 ครั้งต่อสัปดาห์ ในขณะที่การเล่นการพนันถูกห้ามในหลายรัฐพวกเขาอาจอนุญาตให้เกมบิงโกเป็นเจ้าภาพโดยคริสตจักรและกลุ่มที่ไม่แสวงหาผลกำไรในการระดมทุน บิงโกเป็นหนึ่งในเกมที่ให้บริการในคาสิโนมากมายทั้งในเนวาดาและเกมที่ดำเนินการโดยชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน E.S. Lowe สร้างโรงแรมคาสิโนบน Las Vegas Strip, Tallyho Inn วันนี้มีการใช้จ่ายมากกว่า $ 90 ล้านดอลลาร์ในการเล่นชนิดหนึ่งในแต่ละสัปดาห์ในทวีปอเมริกาเหนือเพียงอย่างเดียว สังสรรค์ในสถานพยาบาลที่มีทักษะและบ้านพักคนชรา ง่ายต่อการใช้งานด้วยพนักงานหรืออาสาสมัครเพียงไม่กี่คนและผู้อยู่อาศัยสามารถเล่นกับผู้เยี่ยมชมได้ โอกาสที่จะได้รับรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ คือล่อ ความนิยมของมันอาจลดลงเมื่อประชากรผู้สูงอายุที่ชื่นชอบการเล่นชนิดหนึ่งคริสตจักรในวัยหนุ่มของพวกเขาส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวิดีโอเกม
“บิงโก”
ถ้าพูดถึงเกมกล่องของฝรั่งที่เข้ามาในเมืองไทย เชื่อว่าหนึ่งในเกมที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีก็คงจะต้องมี “บิงโก” รวมอยู่ด้วย เพราะเป็นเกมที่เล่นได้โคตรง่ายไม่ซับซ้อน และแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย อาศัยดวงล้วน ๆ บิงโก (Bingo) เป็นเกมอย่างหนึ่งซึ่งสามารถเล่นได้ตั้งแต่สองคนไปจนหลายคน (ความจริงคนเดียวก็เล่นได้ถ้าไม่คิดว่าจะแข่งกับใคร แค่ลองดูว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่) โดยผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับการ์ดขนาด 5×5 ช่อง แต่ละช่องจะมีตัวเลขระบุไว้ จากนั้นก็จะให้คนหนึ่งหยิบสลากหรือลูกบอลในถุงซึ่งจะมีตัวเลขระบุไว้ (จะให้คนเล่นหยิบกันเองก็ได้ ถ้าไม่กลัวว่าจะมีการโกงกัน) จากนั้นคนหยิบก็จะขานว่าได้สลากหรือลูกบอลเลขอะไร ผู้เล่นที่มีการ์ดอยู่ก็จะดูว่าในการ์ดของตัวเองมีเลขที่หยิบขึ้นมาหรือไม่ ถ้ามีก็ทำสัญลักษณ์เอาไว้ว่าเลขนี้ถูกหยิบขึ้นมาแล้ว ใครที่ได้สัญลักษณ์เรียงกันเป็นรูปร่างที่กำหนดไว้ เช่น เป็นเส้นตรงจากบนลงล่างครบทั้งหลัก 5 ช่อง จากซ้ายไปขวาครบทั้งแถว 5 ช่อง ก่อนคนอื่น ก็จะประกาศว่า “บิงโก” และเป็นผู้ชนะในเกมนั้นไป ความเป็นมาของเกมบิงโกนั้นไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอน แต่เป็นไปได้ว่ามีวิวัฒนาการมาจากเกมลอตเตอรีที่นิยมเล่นในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 16 (จะว่าไปบิงโกก็ออกจะคล้ายกับลอตเตอรี่อยู่มาก โดยเฉพาะลอตเตอรีแบบลอตโตที่นิยมกันในยุโรป ที่อาศัยการเลือกเลขให้ตรงกับเลขที่จับขึ้นมา)
ส่วนชื่อของเกมที่เรียกกันว่าบิงโกนั้น มีเรื่องเล่ากันว่าเกิดในปี 1929 โดยเอ็ดวิน โลว์ นักขายของเล่นเด็กชาวอเมริกา ซึ่งได้ไปดูการเล่นเกมดังกล่าวที่รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้เล่นจะใช้เมล็ดถั่ววางบนช่องตัวเลขที่จับขึ้นมาแล้ว แล้วผู้ชนะจะร้องว่า Beano แต่ปรากฏว่าครั้งหนึ่งหญิงสาวที่ชนะเกิดตื่นเต้นจนร้องเพี้ยนไปว่า Bingo ทำให้โลว์เกิดปิ๊งคำดังกล่าวและนำมาใช้เป็นชื่อเรียกเกมชนิดนี้จนกลายเป็นชื่อที่รู้จักกันดี แต่บางแห่งก็บอกว่า ชื่อบิงโกมีมาก่อนนั้นหลายปีแล้วในอังกฤษ แต่ไม่ทราบที่มาว่าเป็นอย่างไร ความจริงในอังกฤษก็มีเกมบิงโกในแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนเกมบิงโกของอเมริกา แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักในเมืองไทย เกมบิงโกที่นิยมกันในปัจจุบันจะเป็นแบบอเมริกา ซึ่งจะประกอบด้วยตัวเลขตั้งแต่ 1-75 โดยเพื่อความสะดวกของผู้เล่น เลขที่สุ่มบนแผ่นการ์ดจะแบ่งตามแถว คือ 1-15 จะอยู่แถวแรก (บางทีจะเรียกว่าแถว B ตามอักษรตัวแรกของคำว่าบิงโก) 16-30 อยู่แถวที่สอง (I) ไปจนถึง 61-75 อยู่แถวสุดท้าย (แต่บางครั้งบิงโกแบบง่ายก็อาจจะมีแค่ 1-50 เท่านั้น) แต่ละแถวจะมีชื่อเรียกตาม และหลักมีเลข 5 ตัว ยกเว้นช่องกลางสุดที่จะเป็นช่องฟรีที่ได้วางอัตโนมัติ ดังนั้นตัวเลขบนแผ่นการ์ดที่เป็นไปได้จึงมีมากมายถึงกว่า 5.52×10^26 แบบ
การเรียงที่จะชนะได้นั้นมีหลายแบบ นอกจากเรียงครบแถวครบหลักแล้ว ก็ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่นิยมกันก็เช่น มุม 4 ข้าง เส้นทะแยงมุม เป็นต้น (อย่างในรูปนี้คนเล่นกำลังจะชนะแล้ว เพราะได้ครบแถว) แต่บางครั้งก็อาจจะกำหนดกติกาให้ยากขึ้น เช่น ต้องได้เป็นรูปกากบาทตรง กากบาททะแยง หรือแม้แต่เต็มแผ่น ฯลฯ
บิงโกเป็นเกมที่เล่นง่าย ใคร ๆ ก็เล่นได้ไม่ต้องอาศัยกลยุทธความคิดอะไรทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับดวงล้วน ๆ สามารถเล่นกี่คนก็ได้ (อย่างที่บอกแล้วว่าแผ่นการ์ดมีได้เป็นล้านล้านแบบ) ในเมืองนอกก็มีการเล่นกันทั้งในครอบครัวและเล่นกันตามสถานบันเทิง ส่วนบ้านเราเดี๋ยวนี้ก็เห็นมีการเล่นกันตามงานวัดแล้วเหมือนกัน